8 ทางลัด จัดเครื่องดูดควันโดนใจ

Last updated: 5 Aug 2022  |  16970 Views  | 

8 ทางลัด จัดเครื่องดูดควันโดนใจ

ในอดีต หลายๆ บ้านอาศัยการระบายอากาศที่ดีในห้องครัว หรือพัดลมระบายอากาศเป็นตัวช่วยในการกำจัดกลิ่นจากการประกอบอาหารภายในบ้านออกไป แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้งานเครื่องดูดควันนั้น ช่วยได้มากกว่าแค่การกำจัดกลิ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดคราบไอน้ำมันเหนียวๆ บริเวณรอบๆ เตาและกลิ่นที่ลอยไปติดตามเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ในปัจจุบันเครื่องดูดควันจึงเป็นที่นิยมสำหรับบ้านใหม่ ที่จำเป็นต้องมีกันทุกครัว โดยเฉพาะท่านที่ทำอาหารทานเองกันบ่อยๆ หรือครอบครัวใหญ่ แต่เครื่องดูดควันนั้นมีหลากหลาย หน้าตาคล้ายๆ กันหมด จะเลือกยังไงดีล่ะ วันนี้ Lucky Flame มีเช็คลิสต์ง่ายๆ สำหรับการเลือกเครื่องดูดควันให้โดนใจมาแล้วครับ

1) สามารถเจาะผนังหรือหลังคาได้มั้ย

ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวหรืออาคารที่สามารถเจาะผนังหรือหลังคาเพื่อต่อท่อออกได้ แนะนำเลือกใช้เครื่องดูดควันแบบต่อท่อออก (Duct Type) เพราะให้กำลังดูดที่ค่อนข้างสูงและกำจัดไอน้ำมันและกลิ่นได้เป็นอย่างดี แถมยังอายุการใช้งานยืนยาวอีกด้วย

แต่ถ้าเป็นคอนโด หรืออาคารที่ไม่อนุญาตให้เจาะ ก็ต้องพิจารณาเป็นเครื่องดูดควันประเภทหมุนเวียน (Recirculation) ซึ่งใช้แผ่นฟิลเตอร์กรองอากาศ ช่วยกรองไอน้ำมันและกลิ่น คล้ายๆ เครื่องกรองฝุ่นภายในบ้านที่ช่วยให้อากาศที่ดีกลับมาหมุนเวียนภายในห้อง เครื่องดูดควันชนิดนี้จะมีข้อดีตรงติดตั้งง่ายเพราะไม่ต้องเจาะและเดินท่อ แต่ว่ากำลังดูดจะค่อนข้างต่ำจากแผ่นกรอง และจำเป็นต้องทำความสะอาดแผ่นกรอง และเปลี่ยนไส้กรองคาร์บอนเป็นประจำ

2) ติดเครื่องดูดควันตรงไหน

ตำแหน่งของเครื่องดูดควันจะอยู่ด้านบนเหนือเตาเป็นระยะ 65-75ซม. เสมอ แต่ว่าเตาของเราอาจจะอยู่ชิดกำแพง หรืออยู่บนเคาน์เตอร์ลอย (Island) กลางห้องสำหรับห้องครัวใหญ่ๆ ก็ได้ ตรงนี้จึงต้องพิจารณาตรงจุดนี้ในการเลือกเครื่องดูดควันว่าเป็นแบบยึดติดกับกำแพง (Wall-Mount) ยึดติดกับตู้แขวนผนัง (Slim) หรือแบบที่สำหรับเคาน์เตอร์ลอย (Island) ซึ่งยึดกับเพดานครับ

3) ขนาดความกว้างของเตาเท่าไหร่

พิจารณาจากขนาดความกว้างหรือจำนวนหัวเตาของเตา โดยเครื่องดูดควันที่ดีควรกว้างกว่าเตา และยิ่งกว้างยิ่งดักไอได้ดีครับ

- สำหรับเตาที่กว้าง 30-40ซม. หรือ หัวเตาเดี่ยว แนะนำเครื่องดูดควันกว้าง 60ซม.
- สำหรับเตาที่กว้าง 70-80ซม. หรือ 2-3 หัวเตา แนะนำเครื่องดูดควันกว้าง 75-90ซม.

- สำหรับเตาฟู่หลายหัว แนะนำเครื่องดูดควันกว้าง 120ซม. ขึ้นไป

4) กำลังดูดแค่ไหนถึงเพียงพอ

กำลังดูดเครื่องดูดควันหมายถึง อัตราปริมาตรของอากาศที่ถูกดูดออกได้ต่อชั่วโมง (ลบ.ม./ชั่วโมง) ตัวเลขตรงนี้ ยิ่งสูงยิ่งดูดแรงสะใจ ครัวไทยทุกคนนะครับ

- สำหรับครัวทั่วไป แนะนำกำลังดูดที่ 1000 ลบ.ม./ชั่วโมง ขึ้นไป

- สำหรับครัวหนัก ผัดทอดเป็นประจำ แนะนำที่กำลังดูดสูงกว่า 1500 ลบ.ม./ชั่วโมง ขึ้นไป

5) ท่อดูดควันเลือกใช้ยังไง

สำหรับเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออก โดยทั่วไปขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อจะอยู่ที่ 120-180มม. ขึ้นกับขนาดทางออกจากเครื่องดูดควัน โดยมีปัจจัยที่มีผลต่อกำลังดูดและเสียงที่เกิดจากเครื่องดูดควันดังนี้

- เส้นผ่านศูนย์กลางท่อ ยิ่งใหญ่ ยิ่งได้กำลังดูดที่สูงขึ้น และเสียงที่เบาลง

- ความยาวของท่อ ยิ่งยาว กำลังดูดจะยิ่งตก ความยาวที่แนะนำไม่เกิน 2 เมตร

- ข้องอของท่อ ยิ่งข้องอมาก กำลังดูดจะยิ่งตก ไม่ควรมีเกิน 2 ข้องอ

ในส่วนของทางออกของท่อ ควรเลือกเป็นหน้ากากกันแมลงสำหรับออกผนัง หรือปล่องหมวกจีนสำหรับออกเพดาน โดยเลือกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่เท่ากับหรือใหญ่กว่าท่อเป็นหลัก

6) รูปร่างหน้าตาตรงใจ เข้ากับครัวหรือไม่

เนื่องจากเครื่องดูดควันจะติดกับครัวเราไปอีกนาน การเลือกเครื่องดูดควันที่สวย ถูกใจ ดูเข้ากับห้องครัวจะช่วยให้เรามีอารมณ์ที่ดีในการประกอบอาหาร ชิมอะไรก็อร่อยได้ครับ จริงๆ นะ 555

7) ฟังก์ชั่นพิเศษ จำเป็นมั้ย

ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เครื่องดูดควันจึงมีฟังก์ชั่นอัจฉริยะเข้ามาเติมเต็มความสะดวกสบาย อาทิเช่น ระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ หรือ ระบบตั้งเวลาการใช้งาน การเลือกฟังก์ชั่นตรงนี้เข้ามาหรือไม่ พิจารณาจากพฤติกรรมการใช้งานอย่างเช่นถ้ามีการเช็ด ทำความสะอาด นำถาดน้ำมันไปเทเป็นประจำ ก็อาจไม่จำเป็นจะต้องมีระบบทำความสะอาด เป็นต้น

8) ใช้ไปนานๆ จะเสียหรือเปล่า

เนื่องจากเครื่องดูดควันจำเป็นต้องมีการติดตั้งเฉพาะและมีการเจาะผนังร่วมด้วย จึงไม่มีใครอยากที่จะเปลี่ยนเครื่องดูดควันบ่อยๆ กันมากนัก แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องดูดควันไหนตัวไหนที่จะอยู่กับเราไปได้นานที่สุด พิจารณาง่ายๆ ตามนี้ครับ

- ฟิลเตอร์กรองไอน้ำมัน ฟิลเตอร์ชนิดที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันคือแบบซี่ๆ Baffle Filter เป็นแผ่นกรองที่ดักน้ำมันได้ดี และไม่กระทบกำลังดูดมากนักเหมือนแบบตาข่าย (Mesh) แบบแต่ก่อน ฟิลเตอร์ที่ดักไอน้ำมันได้ดีจะช่วยให้ไอน้ำมันไปถึงมอเตอร์และใบพัดน้อยลง ช่วยยืดอายุการใช้งานได้เป็นอย่างดี

- ชนิดมอเตอร์ ปัจจุบันมอเตอร์ข้อเหวี่ยงเป็นที่นิยมแพร่หลายที่สุด เพราะใบพัดจะไม่ได้สัมผัสกับไอน้ำมันตรงๆ เหมือนใบพัดพัดลมแบบแต่ก่อน จึงทำให้อายุการใช้งานค่อนข้างทนทานมากขึ้น

- คุณภาพวัสดุ เครื่องดูดควันที่ใช้วัสดุที่ทนทาน อย่างเช่น สเตนเลสสตีลหรือกระจกนิรภัยเกรดดี มีความหนามากกว่า ย่อมทนทานกว่าเกรดที่ต่ำกว่า หรือ ใบพัดมอเตอร์ที่เป็นโลหะย่อมทนทานกว่าที่เป็นพลาสติก เป็นต้น

- การรับประกันและบริการหลังการขาย เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน ควรเลือกที่มีการรับประกันที่นานและมีศูนย์บริการถึงพื้นที่ อย่างน้อยหากเกิดปัญหาสามารถติดต่อขอคำปรึกษาหรือให้ช่างประจำบริษัทเข้าไปดำเนินการแก้ไขให้ใช้งานต่อได้ ไม่ใช่เสียแล้วเปลี่ยนตัวใหม่เลยทันที

เครื่องดูดควันอัจฉริยะ Lucky Flame RG-911T(N) ตัวใหม่ ไฉไลกว่าเดิม เพิ่มเติมคือระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ มาช่วยเสริมทัพกับระบบตั้งเวลาปิด อัพเกรดกำลังดูดถึง 1600 ลบ.ม./ชั่วโมง หน้าเรียบกระจกนิรภัยควบคุมแบบสัมผัสสไลด์ปรับความแรงได้ 20 ระดับ แถมท่อใหญ่ขึ้นเป็น 170มม. ที่สำคัญราคาเท่าเดิม!! แถมรับประกันมอเตอร์นานถึง 10 ปี อุ่นใจใช้กันไปยาวๆ กันเลยครับ

“ลัคกี้เฟลม จุดประกายความสุขทุกครัวเรือน”
 
สอบถามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ m.me/luckyflame
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติม : www.luckyflame.co.th
แอดไลน์เพื่อติดตามโปรโมชั่น : @LuckyFlame
หรือ https://bit.ly/LINE_LuckyFlame
Lazada : https://www.lazada.co.th/shop/lucky-flame/
Shopee : https://shopee.co.th/luckyflame.official 

#LuckyFlame #ลัคกี้เฟลม #จุดประกายความรู้คู่ครัวเรือน
#เตาแก๊ส #เตาฝัง #เตาไฟฟ้า #เครื่องดูดควัน #เตาอบ #ซิงค์ #เครื่องทำน้ำอุ่น #หัวปรับแรงดัน
#เคล็ดลับ #เลือกเครื่องดูดควัน #Checklist #เช็คลิสต์ #RG-911T 

Powered by MakeWebEasy.com
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy